หลังเปิดบ้านแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 0-3 แบบชนิดที่ว่าสู้ไม่ได้เลยสักนิดเดียว เอริค เทน ฮาก ยังคงเป็นเต็งหนึ่งผู้จัดการทีม พรีเมียร์ลีก ที่อาจโดนตะเพิดออกจากเก้าอี้ได้ทุกเมื่อ
โดยไม่ใช่แค่ผลงานทีมที่เก็บได้เพียง 7 แต้มจากการลงสนาม 6 นัดเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะทรงบอลยังไม่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมและไม่สามารถกระตุ้นให้นักเตะทีม ปีศาจแดง มีใจลุกขึ้นสู้ได้
วันนี้ 90MIN จึงอยากพาทุกท่านไปชม 10 แมตช์สุดเจ็บปวดหัวใจแฟนบอล แมนยู หลัง เอริค เทน ฮาก ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีม
10. แมนยู 0-3 ลิเวอร์พูล – 2 กันยายน 2024Manchester United FC v Liverpool FC – Premier League / James Gill – Danehouse/GettyImages
แม้ฤดูกาล 2022/23 จะเป็นปีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอดพ้นจากความปราชัยต่อคู่แค้นตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ด้วยผลเสมอทั้งเกมเหย้าและเกมเยือนใน พรีเมียร์ลีก แถมเก็บชัยชนะได้อีก 1 นัดในเกม เอฟเอ คัพ แต่ฤดูกาล 2023/24 กลับไม่ใช่แบบนั้น
พลพรรค ปีศาจแดง เปิดบ้าน โอล แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของทีม พญาหงส์แดง ภายใต้การคุมทีมของกุนซือใหม่อย่าง อาร์เน่อ สล็อต และโดนกระซวกไส้เข้าไปถึง 3 ดอกคาบ้าน
จุดที่คนพูดถึงมากที่สุดคือความผิดพลาดของ คาเซมิโร่ ซึ่งทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด โดนยิงประตูขึ้นนำ หลังจากนั้นลูกทีมของ เอริก เทน ฮาก ก็เล่นแบบไม่มีทรงและไม่สามารถต่อกรกับ ลิเวอร์พูล ได้แม้แต่น้อย จนผลจบลงด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับคาบ้าน
9. เชลซี 4-3 แมนยู – 4 เมษายน 2024Chelsea FC v Manchester United – Premier League / Robin Jones/GettyImages
หากใครจำกันได้ นี่คือเกมสุดระทึกและดราม่าที่สุดเกมหนึ่งใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/24 เลยทีเดียว เพราะมีประตูเกิดขึ้นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ มากถึง 7 ลูก แถมเป็นการพลิกกันไปกันมาจนแฟนบอลทั้งสองฝั่งหายใจไม่ทั่วท้อง
เกมวันนั้น เชลซี ได้ประตูขึ้นนำก่อนจาก คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ โคล พาลเมอร์ ก่อนที่ลูกทีมของ เทน ฮาก จะฮึดสู้ยิงแซงรวดขึ้นมาเป็น 3-2 และเริ่มครองเกมได้จนเกือบจะสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลา
แต่แล้วสถานการณ์กลับพลิกผันจากความเลินเล่อของ ดิเอโก้ ดาโลต์ ที่ทำเสียจุดโทษช่วงท้ายเกม และเป็น โคล พาลเมอร์ ที่สังหารให้ เชลซี ตีเสมอได้ในช่วงนาทีบาป
แค่นั้นไม่พอ เชลซี มาได้ลูกเตะมุมในช่วงก่อนหมดเวลาและอาศัยจังหวะผู้เล่นทีม ปีศาจแดง ไม่ทันระวังตัวเล่นสั้นให้ โคล พาลเมอร์ ซัดบอลแฉลบ แม็คโทมิเนย์ เข้าไปเป็นประตูชัย นับเป็นการปล่อยชัยชนะหลุดลอยไปแบบน่าเสียดายสุด ๆ สำหรับ แมนยู
8. เซบีย่า 3-0 แมนยู – 20 เมษายน 2023Sevilla FC v Manchester United: Quarterfinal Second Leg – UEFA Europa League / Fran Santiago/GettyImages
ขึ้นชื่อเรื่องฟุตบอลถ้วย ยูโรป้า ลีก เซบีย่า ถือเป็นทีมเต็งหนึ่งมาทุกปีเพราะพวกเขาเน้นเป็นพิเศษมากจริง ๆ แต่ในช่วงเวลานั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มีสถิติที่ดีมากเหมือนกันในการออกไปเยือนทีมจาก สเปน ที่ไม่แพ้ใครเลยตลอดทั้ง 3 ครั้งในฤดูกาล 2022/23
ความโชคร้ายคือในแมตช์ดังกล่าว ความผิดพลาดเริ่มต้นมาจาก แฮร์รี่ แม็กไกว์ และ ดาบิด เด เคอา ที่เซ็ตบอลแดนหลังพลาดจนโดนฉกไปยิงขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 8 ของเกม จากนั้น เด เคอา ก็มาพลาดอีก 2 หน นำไปสู่อีก 2 ประตูจนโดนเขี่ยตกรอบไปแบบน่าผิดหวังสุด ๆ
แม้ในซีซันนั้น เซบีย่า จะจบลงในฐานะแชมป์ ยูโรป้า ลีก แต่ก็ต้องยอมรับว่าฟอร์มการเล่นของผู้เล่น ปีศาจแดง ในวันนั้น ไม่เข้าใกล้และไม่สมควรจะผ่านเข้ารอบไปแม้แต่นิดเดียว
7. แมนซิตี้ 6-3 แมนยู – 2 ตุลาคม 2022Manchester City v Manchester United – Premier League / Michael Regan/GettyImages
นับเป็นการต้อนรับ เอริก เทน ฮาก สู่ แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ครั้งแรกแบบสุดโหดเลยทีเดียว เมื่อทีม เรือใบสีฟ้า เปิดบ้านอัด แมนฯ ยูไนเต็ด ไปถึง 6-3 โดยที่นักเตะอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ โชว์ฟอร์มโหดกดแฮตทริกพ่วงด้วย 2 แอสซิสต์ในเกมวันดังกล่าวพร้อมรับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง
แค่นั้นไม่พอ ฟิล โฟเด้น ยังเป็นนักเตะอีกคนที่ยิงแฮตทริกได้ในวันนั้น ส่งให้เป็นแมตช์ที่แฟนบอล แมนฯ ซิตี้ กลับบ้านนอนหลับฝันดีกันทุกคน ส่วนแฟนบอล แมนยู แม้จะอยากลบความอับอายออกจากความทรงจำ แต่ก็เชื่อว่าทุกคนจะจดจำแมตช์นี้ไปอีกนานเท่านานเลยเชียว
ช่วงท้ายเกม อองโตนี่ มาร์กซิยาล มายิงประตูรัว 2 ลูกให้ทีมไล่มาเป็น 6-3 แต่ก็ไม่เพียงพอจะชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ แถมแฟนบอล ปีศาจแดง หลายคนก็กลับบ้านไปก่อนเกมจบแล้วด้วย
6. แมนยู 3-3 โคเวนทรี – 21 เมษายน 2024Coventry City v Manchester United – Emirates FA Cup Semi Final / Mike Hewitt/GettyImages
ควรจะเป็นวันที่ผู้เล่นและแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด เฉลิมฉลองกันแบบสุดเหวี่ยงเพราะพวกเขาผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้ แต่ความเป็นจริงคือพวกเขามีแต่ความสับสนและอับอายว่าทำไมถึงทำได้เพียงแค่เสมอกับทีมจาก แชมเปี้ยน ชิพ อย่าง โคเวนทรี ซิตี้ แบบหืดจับ
พลพรรคทีม ปีศาจแดง เริ่มต้นเกมได้อย่างสวยงามจากประตูขึ้นนำของ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ จากนั้น แฮร์รี่ แม็กไกว์ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก็มายิงประตูพาทีมนำห่าง 3-0 จนน่าจะหมดความกังวลไปแล้ว
แต่แล้วก็เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ อยู่ดี ๆ ลูกทีมของ เอริก เทน ฮาก ก็ช็อตไปดื้อ ๆ จนโดนยิง 3 ลูกรวดตีเสมอมาเป็น 3-3 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และถ้าไม่ติดว่าประตูที่ 4 ของ โคเวนทรี ล้ำหน้าไปเพียงเสี้ยวขอบเล็บ แมนฯ ยูไนเต็ด คงได้กระเด็นตกรอบแบบน่าอับอายเป็นที่สุด
แม้สุดท้าย แมนยู จะผ่านเข้ารอบจากการดวลเป้าชนะ โคเวนทรี แต่บอกเลยว่าหลังเกมพวกเขาโดนแฟนบอลและสื่อต่าง ๆ จวกกันระงม
5. เบรนท์ฟอร์ด 4-0 แมนยู – 13 สิงหาคม 2022Brentford FC v Manchester United – Premier League / Catherine Ivill/GettyImages
เอริก เทน ฮาก นำทีมปรีซันได้อย่างสวยงามโดยการพาพลพรรค ปีศาจแดง เก็บชัยชนะได้ซะเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงการอัด ลิเวอร์พูล ได้ถึง 4-0 ในเกมกระชับมิตร อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับต้องมาเจอความเป็นจริงอันโหดร้ายจากการแพ้ให้กับ ไบร์ทตัน ในเกมนัดเปิดซีซัน 2022/23
ฝันร้ายยังไม่จบเพียงเท่านั้น เกมถัดมาพวกเขาไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด เพื่อหวังจะกุมเอาชัยชนะนัดแรกของฤดูกาลมาให้ได้ แต่กลับโดนทีม ‘ผึ้งน้อย’ ต่อยกลับบ้านมาถึง 4 แผล แถมยังเป็นการโดนยิง 4 ลูกตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งเวลาแรกเลยด้วยซ้ำ
แมตช์ดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ให้กับคู่แข่งในนัดเปิดสนาม 2 นัดแรกของลีกสูงสุด อังกฤษ และยังเป็นความอับอายที่แฟนบอล แมนยู ยากจะให้อภัยเป็นแน่แท้
4. แมนยู 0-3 บอร์นมัธ – 10 ธันวาคม 2023FBL-ENG-PR-MAN UTD-BOURNEMOUTH / OLI SCARFF/GettyImages
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเครื่องร้อนได้ที่จากการเปิดบ้านอัด เชลซี มา 2-1 แต่ 3 วันให้หลังจากนั้น พลพรรค ปีศาจแดง กลับโดนทีมอย่าง บอร์นมัธ บุกยัดเยียดความปราชัยคาบ้านด้วยผลสกอร์ถึง 3 ลูก พาแฟนบอลเปลี่ยนอารมณ์กันแทบไม่ทัน
เกมในวันนั้นลูกทีมของ เอริก เทน ฮาก ต่อบอลกันไม่เข้าเท้ากันตั้งแต่ช่วงเริ่มเกมจนมาโดน โดมินิค โซลันกี้ ยิงขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 5 ของเกม หลังจากนั้นในช่วงครึ่งหลังก็เป็น ฟิลิป บิลลิ่ง และ มาร์กอส เซเนซี่ โขกสองประตูรวดตอกฝาโลงส่ง ผีแดง ลงหลุมแบบไม่ต้องตื่น
หลังเกม บรูโน่ เฟอร์นันเดส ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเพราะความประมาทที่ทำให้ทีมของตนโดนอัดยับเยินขนาดนี้ ซึ่งบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตว่า เอริก เทน ฮาก ไม่สามารถประคองสติลูกทีมให้ลงเล่นด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจได้
3. แมนยู 0-3 สเปอร์ส – 29 กันยายน 2024Manchester United FC v Tottenham Hotspur FC – Premier League / Michael Regan/GettyImages
ว่ากันตามตรง ช่วงหลังมานี้ไม่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะฟอร์มแย่แค่ไหนและ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จะฟอร์มดีขนาดไหน แต่ทุกครั้งที่ทั้งสองทีมมาเจอกันกลับเป็นฝ่ายทีม ปีศาจแดง ที่มักจะเก็บผลการแข่งขันที่ต้องกลับบ้านได้ทุกครั้ง
โชคร้ายหน่อยที่ครั้งนี้มันไม่ใช่แบบนั้น เมื่อล่าสุดพลพรรค ปีศาจแดง โดนบุกอัดค่ารัง โอล แทรฟฟอร์ด ถึง 3-0 โดยนอกจากผลการแข่งขันที่ไม่น่าให้อภัย นักเตะทีม ปีศาจแดง ยังแสดงทีท่าหมดใจออกมาให้เห็นจนโดนกดยับตลอดทั้งเกมอีกด้วย
นี่คงเป็นเกมที่ทำให้เก้าอี้ของ เอริก เทน ฮาก กลับมาร้อนผ่าวอีกครั้งอย่างแน่นอน รวมถึงเป็นแมตช์ที่สะท้อนคุณภาพเกมรับของ แมนยู ในตอนนี้ว่าไม่เอาอ่าวขนาดไหน ซึ่งถ้าหาก ติโม แวร์เนอร์ คมกว่านี้ ทีม ไก่เดือยทอง อาจยิงได้ถึง 5-6 ลูกแล้วด้วยซ้ำไป
2. คริสตัล พาเลซ 4-0 แมนยู – 6 พฤษภาคม 2024FBL-ENG-PR-CRYSTAL PALACE-MAN UTD / ADRIAN DENNIS/GettyImages
นี่คงเป็นหนึ่งในเกมที่แฟนบอล แมนยู ปวดใจมากที่สุดเมื่อซีซันที่แล้ว เมื่อพวกเขาบุกไปโดน คริสตัล พาเลซ อัดกลับบ้านมาถึง 4-0 โดยที่นอกจากผลการแข่งขันจะไม่น่าสบอารมณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริงในวันนั้นยังกระท่อนกระแท่นเป็นที่สุดอีกด้วย
อย่างที่รู้กันดีว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อซีซันที่แล้วประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายรายจนไม่มีโอกาสได้เชื่อมสัมพันธ์กันอย่างลงตัวเสียที และในแมตช์เจอ พาเลซ ก็เป็นเกมที่ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก นักเตะตัวสำคัญมาบาดเจ็บพร้อมกันพอดี
ผลคือ เอริก เทน ฮาก ต้องส่ง คาเซมิโร่ และ จอนนี่ อีแวนส์ ลงเล่นคู่กันในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คตัวกลาง และยังมี แอรอน วาน-บิสซากา ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งถนัด จนผลงานออกมาเละตุ้มเป๊ะอย่างที่เห็นนั่นแหละ
1. ลิเวอร์พูล 7-0 แมนยู – 5 มีนาคม 2023Liverpool FC v Manchester United – Premier League / Robbie Jay Barratt – AMA/GettyImages
เจ็บกว่าการแพ้คู่รักคู่แค้นตลอดกาล คือการพ่ายแพ้ให้แบบย่อยยับไม่มีชิ้นดีถึง 7-0 โดยที่ความปราชัยครั้งนี้นับเป็นการแพ้ยับที่สุดในรอบเกือบ 100 ปี โดยที่หนล่าสุดต้องย้อนกลับไปจนถึงปี 1930
เกมวันนั้นคงไม่ต้องสาธยายกันให้มากความ เมื่อพลพรรค ปีศาจแดง เริ่มต้นเกมได้อย่างมีความหวังแต่กลับจบลงโดยโศกนาฏกรรมที่จะถูกจดจำและพูดถึงไปอีกหลายช่วงอายุคนเลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้ ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่เตรียมตัวมาดีทั้งเกมรับที่แน่นหนาและเกมรุกบุกทะลวงไส้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เอริค เทน ฮาก ในเวลานั้นมือยังไม่ถึงจริง ๆ ส่วนในตอนนี้คงต้องให้แฟนบอล ปีศาจแดง ตัดสินกันเอาเองแล้วกันว่ามือถึงหรือยัง