บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS นำโดย พญ. เมธินี ไหมแพง ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่ม 1 BDMS และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ว่าด้วยการดำเนินงานบริการทางการแพทย์ กับการกีฬาแห่งประเทศไทย โดย นาย สุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา
ในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก ศ. เกียรติคุณ นพ. อรรถ นานา รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายแพทย์ กลุ่ม 1 BDMS นพ. ไพศาล จันทรพิทักษ์ ที่ปรึกษาผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ น.ท. นพ. พรเทพ ม้ามณี ร.น. ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกาย (BASEM) นพ. พงศ์ธร เกียรติดำรงวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสุขภาพบีดีเอ็มเอส และผู้อำนวยการฝ่าย (การบริหารโครงการ) พร้อมคณะทำงานจากสถาบันเวชศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกาย โรงพยาบาลกรุงเทพ (BASEM) ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ ณ ห้อง Tea Room อาคาร R ชั้น 7 โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่
BDMS ได้ผนึกความร่วมมือครั้งสำคัญกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และควบคุมดูแลการกีฬาของชาติในทุกระดับให้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ด้วยกระบวนการตรวจประเมินความพร้อมของสุขภาพร่างกาย เพื่อตรวจหาโรค หรือภาวะแฝงที่อาจส่งผลกระทบต่อการฝึกซ้อมของนักกีฬา และดำเนินการรักษานักกีฬาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการฝึกซ้อม และการลงแข่งขันจริง ความร่วมมือทางด้านเวชศาสตร์การกีฬา (Sports Medicine) ในครั้งนี้ จะช่วยให้นักกีฬาทีมชาติของไทยมีความพร้อมเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ และสามารถแสดงศักยภาพในการแข่งขันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สถาบันเวชศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกาย โรงพยาบาลกรุงเทพ (BASEM) ให้บริการทางการแพทย์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ภายใต้มาตรฐานระดับสากลด้านเวชศาสตร์การกีฬา และการออกกำลังกาย ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง และทีมผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์กีฬาหลากหลายสาขา เพื่อประเมินสมรรถภาพร่างกาย วิเคราะห์ปัญหา และสาเหตุ การตรวจวิจินิจฉัย รักษาฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ การทำกายภาพบำบัด การใช้เทคโนโลยีผ่าตัดขั้นสูง พร้อมให้คำปรึกษาด้านการออกกำลังกาย ภาวะโภชนาการ และจิตวิทยา เพื่อให้นักกีฬาสามารถฝึกซ้อม และแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การลงนามความร่วมมือทางวิชาการครั้งนี้ ถือเป็นจุดสำคัญเพื่อมุ่งพัฒนาการปฏิบัติการด้านเวชศาสตร์การกีฬา (Sports Medicine) และพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งจะช่วยให้นักกีฬามีโอกาสได้รับการรักษาฟื้นฟูภายใต้มาตรฐานคุณภาพขั้นสูงสุด โดยจะส่งผลต่อการสร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้กับประเทศชาติในลำดับต่อไป