“เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ยังเดินหน้าหยิบแชมป์อย่างต่อเนื่อง หลังเป็นฝ่ายดวลจุดโทษดับ แมนฯ ยูไนเต็ด 7-6 ผงาดครองแชมป์ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ไปครองได้เป็นสมัยที่ 7 ในประวัติศาสตร์
แผนเดียวกับเมื่อ 11 วีคที่แล้วManchester United v Manchester City – 2024 FA Community Shield / Catherine Ivill – AMA/GettyImages
เกมนี้ เอริค เทน ฮาก กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้แผนการเล่น 4-2-4 แบบเดียวกับศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่พวกเขาหักปากกาเซียน แมนฯ ซิตี้ เมื่อ 11 สัปดาห์ที่แล้ว
โดยก่อนหน้านี้บอส “ปีศาจแดง” ได้นำแผนดังกล่าวมาใช้ในเกมอุ่นเครื่องปรี-ซีซั่น กับ อาร์เซนอล ที่ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
รูปแบบการยืนกับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อคืนคือ 4-2-4
4 คือ ดาโลต์, แม็กไกวร์, อีแวนส์, มาร์ติเนซ
2 คือ ไมนู, กาเซมีโร่
4 คือ อาหมัด, เมาท์, บรูโน่, แรชฟอร์ด
บรูโน่ และ เมาท์ เหมือนจะเป็นกองหน้าตัวหลอก ซึ่งในระหว่างเกมสามารถยืน 4-2-3-1 ได้เช่นกัน โดยให้ บรูโน่ หรือ เมาท์ ยืนผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 10 และให้ เมาท์ หรือไม่ก็ บรูโน่ ยืนหน้าตัวหลอก
แต่เมื่อดูจากรายชื่อ 11 ตัวจริง + สำรองแล้ว ก็พอเข้าใจได้ว่า ทำไม เทน ฮาก ถึงจัดทีมแบบนี้
ในมุมมองของผู้เขียนคิดว่า
1. คือ แผนนี้เคยใช้ปราบ ซิตี้ มาได้ เลยติดใจ
2. หน้าเป้าธรรมชาติอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ เจอโรคเดี้ยงเล่นงานพัก 3 สัปดาห์
ขณะที่ โยชัว เซิร์กเซ่ กองหน้าป้ายแดง น่าจะยังไม่พร้อม เพราะยังใหม่อยู่ แถมลงฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ไม่นานด้วย
ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด ชอบเล่นตัวริมเส้นฝั่งซ้ายซะมากกว่า
3. หากใครจำกันได้ ฤดูกาลที่แล้วแดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด มักถูกคู่แข่งเจาะเข้ามาง่าย (มาก ๆ ๆ ๆ ๆ)
กุนซือชาวดัตช์เลยต้องการปิดพื้นที่ตรงกลาง และ ฮาล์ฟ-สเปซ ในเวลาที่ทีมยืนป้องกัน เขาเลยอัดกลางให้แน่นเข้าไว้ และให้นักเตะประกบแบบตัวต่อตัวในบางครั้ง
เขาทราบดีว่าทีมของเขาต่อบอลสู้กับทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ได้ ดังนั้นก็มาโฟกัสเกมรับ ปิดพื้นที่อันตราย ยืนกันให้แน่น และอาศัยจังหวะสวนกลับเร็ว โจมตีแบบบอลไดเรค คือ ครองบอลน้อยจังหวะ บุกแบบตรง ๆ ให้บอลไปถึงข้างหน้าให้เร็วที่สุด
ซึ่งมันก็เป็นไปตามแผนของพวกเขาจริง ๆ โดยเฉพาะในครึ่งหลัง แต่ ยูไนเต็ด จบสกอร์ไม่เฉียบขาดเอง
อาหมัด หนึ่งในตัวความหวังของทีมฤดูกาลใหม่FBL-ENG-PR-COMMUNITY-MAN CITY-MAN UTD / JUSTIN TALLIS/GettyImages
ปีกไอวอรี่โคสต์ วัย 22 ปี ได้รับความไว้วางใจจาก เทน ฮาก อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง บอส ปีศาจแดง เชื่อว่า ฤดูกาลนี้ ‘มันจะต้องเป็นปีของเขา’
เขาทำผลงานได้น่าประทับใจในเกมปรี-ซีซั่น 2024 ด้วยการทำไป 2 ประตู กับอีก 2 แอสซิสต์
ในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ ล่าสุด แม้จะอยู่ในสนามไม่จบเกมการแข่งขัน แต่เขาป่วนแนวรับ “ซิตี้” ได้ดีเลยล่ะ เฉพาะอย่างยิ่งช่วง 17 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก
ดูจากรูปทรงการกระชากลากเลื้อย การเคลื่อนที่ ความมั่นใจ และทัศนคติการเล่นของเขาแล้ว
เขาพร้อมแล้วล่ะ สำหรับฤดูกาลใหม่
ลูอิส-บ็อบบ์ มีโอกาสกลายเป็นแข้งคนสำคัญของทีมFBL-ENG-PR-COMMUNITY-MAN CITY-MAN UTD / HENRY NICHOLLS/GettyImages
นอกเหนือจากการผงาดแชมป์ คอมมูนิตี้ ชิลด์ มาครองได้เป็นสมัยที่ 3 ของ เป๊ป กวาร์ดิโอ แล้ว เขาจะต้องพอใจกับฟอร์มการเล่นของสองนักเตะดาวรุ่งอย่าง ริโก้ ลูอิส และ ออสการ์ บ็อบบ์
ลูอิส ที่ยืนตำแหน่งแบ็กขวา แต่เขาสามารถเล่นบทบาท ”Inverted Fullback“ (ฟูลแบ็คตัวใน) ที่หุบเข้ามายืนในตำแหน่งกองกลางเวลาที่ทีมสร้างเกม ซึ่ง กวาร์ดิโอล่า มักใช้วิธีนี้กับผู้เล่นฟูลแบ็กอยู่บ่อยครั้ง จนเป็นภาพชินตาไปแล้ว
ในเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เขามักจะวิ่งไปทั่ว นอกเหนือจากทางกราบขวาที่เขาต้อง โอเวอร์แลป หรือ อันเดอร์แลป เพื่อเล่นร่วมกับ ออสการ์ บ็อบบ์ แล้ว พื้นที่ที่เขาไปอยู่บ่อยคือแดน 2 ของสนาม หรือแดนกลาง ซึ่งเขาจะยืนแดนกลางในฝั่งของคู่แข่ง และเขาเคยให้สัมภาษณ์ในช่วงปรี-ซีซั่นว่า เขาอยากเล่นตำแหน่งผู้เล่นหมายเลข 8 มากกว่านี้ (รุกและรับ)
รายของ บ็อบบ์ ในบทบาทตัวริมเส้นฝั่งขวา ทำผลงานได้น่าประทับใจสุด ๆ ในช่วงปรี-ซีซั่น 2024 ด้วยการทำไป 3 แอสซิสต์ กับอีก 2 ประตู จากการลงเล่น 4 นัด
ในเกมกับ ยูไนเต็ด เมื่อคืน เขาก็จัดไปอีก 1 แอสซิสต์ ด้วยการเปิดไปให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา โขกตีเสมอให้ทีม
เขามีความคล่องตัว เคลื่อนที่ได้ดี และเข้าใจแท็คติกของ เป๊ป
ทั้ง ลูอิส และ บ็อบบ์ มีโอกาสกลายเป็นแข้งคนสำคัญของ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้
อาถรรพ์ แชมป์ คอมมูนิตี้ ชิลด์Manchester United v Manchester City – 2024 FA Community Shield / Chris Brunskill/Fantasista/GettyImages
เป็นที่ทราบกันดีว่า ทีมที่คว้า คอมมูนิตี้ ชิลด์ มาครองได้ในปีนั้น ๆ ส่วนแล้วใหญ่จะต้องมีอันเป็นไป หรือเจออะไรสักอย่างที่ทำให้ไม่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก
สถิติบันทึกไว้ว่า 13 ปีหลังสุด มีทีมเดียวที่สามารถซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้ นั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเกิดขึ้นในฤดูกาล 2018/19